วันแรกของอาศีส... ว่าที่จุฬาราชมนตรีคนที่ 18

by Little Bear @21 พ.ค. 57 23:09 ( IP : 49...84 ) | Tags : ข่าวประชาสัมพันธ์
photo  , 600x450 pixel , 85,301 bytes.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค.2553 เวลา 08:00 น. ตัวแทนกลุ่มปกป้องที่ดินวะกัฟฯ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จำนวน 15 คน เดินทางมาถึงศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ คลอง 9 จังหวัดปทุมธานี  เพื่อร่วมรับฟังผลการสรรหาจุฬาราชมนตรีคนใหม่ จากการคัดเลือกของคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อทราบผลอย่างเป็นทางการ ในเวลาประมาณ 16:00 น. ว่านายอาศีส พิทักษ์คุมพล ได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีคนที่ 18  ทางกลุ่มฯ จึงได้ติดต่อกับตัวแทนสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทยให้เป็นผู้ประสานงานเพื่อขอยื่นหนังสือแสดงความยินดี และร้องเรียนกรณีที่ดินวะกัฟ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหลักการศาสนาอิสลามโดยตรง ที่ยืดเยื้อมายาวนาน แต่ไม่เคยได้รับการแก้ไขจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ด้วยความหวังว่าสำนักจุฬาราชมนตรีชุดใหม่จะทำให้เรื่องดังกล่าวคลี่คลายลงได้

ต่อมาเวลาประมาณ 17:00 น. ทางกลุ่มฯ จึงได้รับอนุญาตให้เข้ามายื่นหนังสือตามที่ได้ประสานงานไว้ แต่เมื่อเดินทางมาถึงนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล กลับปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือดังกล่าว และเดินหนีไปขึ้นรถเดินทางออกจากศูนย์บริหารกิจการศาสนาฯ อย่างรีบร้อนโดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใดๆ จากตัวแทนกลุ่มฯ ทั้งสิ้น นอกจากนั้นผู้ติดตามของนายอาศีส  พิทักษ์คุมพล ยังพยายามข่มขู่คุกคามตัวแทนกลุ่มฯ อีกด้วยสร้างความรู้สึกผิดหวังในตัวว่าที่จุฬาราชมนตรีคนใหม่ให้กับทางกลุ่มฯ เป็นอย่างยิ่ง

นางจันทิมา  ชัยบุตรดี ตัวแทนกลุ่มฯ ให้สัมภาษณ์ว่า “พวกเราเดินทางไกลมาจากอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มารอตั้งแต่เช้าด้วยหวังจะได้แสดงความยินดีกับจุฬาราชมนตรีคนใหม่  และร้องเรียนความทุกข์ของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่เพื่อให้ได้รับการแก้ไขปัญหา เนื่องจากสำนักจุฬาราชมนตรีในชุดก่อนได้ทำการวินิจฉัยเรื่องนี้ไว้ว่า “ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่แสดงว่าทางสาธารณะดังกล่าวได้มาโดยการวะกัฟของชาวมุสลิม”  และเห็นด้วยกับกับการแลกเปลี่ยนที่ดินวะกัฟดังกล่าวให้แก่ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อใช้เป็นที่ตั้งโรงแยกก๊าซของ บริษัท ทรานส์ ไทย – มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งที่การวินิจฉัยครั้งนั้นไม่ได้มีกระบวนการสอบสวนรับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เป็นการใช้กระบวนการรับฟัง สรุปข้อเท็จจริงด้านเดียว ฝ่ายเดียว คือข้อมูลจากฝ่ายราชการ และบริษัทผู้ได้ประโยชน์จากการใช้ที่ดินวะกัฟ  ไม่เคยรับฟังข้อมูลจากกลุ่มผู้ร้องเรียนซึ่งประกอบด้วยทายาท พยานของการวะกัฟเส้นทาง รวมถึงไม่เคยรับฟังข้อเท็จจริงของประชาชนผู้เดือดร้อนจากการปิดกั้นเส้นทางของบริษัทฯ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจร ใช้ประโยชน์ในเส้นทางวะกัฟดังกล่าวได้ต่อไป    จึงเป็นการวินิจฉัยโดยมิได้เป็นไปตามหลักนิติศาสตร์อิสลาม ทำให้หลักการสำคัญของการวะกัฟตามหลักการศาสนาต้องถูกบิดเบือนไป ตามความประสงค์ของอำนาจฝ่ายรัฐและผลประโยชน์ของฝ่ายทุน”

ตัวแทนกลุ่มฯ หลายคนจึงมีความเห็นตรงกันว่า การที่นายอาศีส  พิทักษ์คุมพล ไม่ยอมรับหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก เนื่องจากอาจทำให้ผู้ที่ทราบเรื่องราวเข้าใจไปได้ว่า นายอาศีสเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยที่ผ่านมา โดยตั้งใจให้เป็นไป “เพื่อสมประโยชน์ของบริษัท  ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด”  ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายแก่ตัวนายอาศีส  พิทักษ์คุมพลเอง และสร้างความเสียหายต่อพี่น้องมุสลิมโดยรวมเช่นกัน

ที่มา www.oknation.net